สาว ๆ พึงระวัง อย่าปล่อยให้ "ท้องผูก" เพราะไม่เพียงแต่สร้างความอึดอัดไม่สบายตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สุขภาพเสื่อมโทรม และเป็นต้นเหตุของโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย และเคยสงสัยหรือไม่ว่า ในวันหนึ่ง ๆ เรารับประทานอาหารเข้าไปมากมาย อาหารเหล่านี้ไปสะสมอยู่ไหน
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชวิทยามหิดล ระบุว่า ปกติคนเราควรจะขับถ่ายอุจจาระทุกวัน เพื่อเอากากอาหารและของเสียออกไป ไม่ให้คั่งค้างอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน จะทำให้รู้สึกสบาย แต่หากระบบขับถ่ายอุจจาระเรามีปัญหา บางคนหลายวันแล้วยังไม่ถ่ายก็มักมีอาการท้องอืด หรือ แน่นท้องและเกิดภาวะท้องผูก ซึ่งจะทำให้มีกากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวันนั้น ค้างสะสมอยู่ในลำไส้เป็นเวลานาน ร่างกายก็จะดูดซึมน้ำจากกากอาหารมากขึ้น ทำให้ปริมาณน้ำในอุจจาระเหลือน้อย แข็งและถ่ายลำบาก
"การที่ร่างกายเราต้องหมักหมมเอาสารพิษและของเสียไว้ในลำไส้นาน ๆ นอกจากจะส่งผลทางด้านจิตใจ ทำให้สาว ๆ ขาดความมั่นใจ อึดอัดไม่สบายตัวไม่สบายท้อง กลายเป็นคนหงุดหงิด โมโหง่าย และมีกลิ่นปากแล้ว หากปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคริดสีดวงทวารหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ดังนั้นในรายที่มีอาการท้องผูกรุนแรง เช่น ถ่ายเป็นเลือด ท้องผูกสลับกับท้องร่วง หรือมีไข้และอาเจียนร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์"
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ กล่าวและเสริมว่า ท้องผูกเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะในผู้ที่รับประทานอาหารที่มีใยอาหารหรือไฟเบอร์น้อย เพราะจะทำให้แรงกระตุ้นที่ทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวน้อยลง จึงเกิดอุจจาระคั่งค้างในลำไส้ใหญ่
นอกจากนี้ในผู้ที่รับประทานอาหารจำพวกแป้งและไขมันมากเกินไป รวมทั้งการดื่มน้ำน้อย มีภาวะเครียด ก็มีส่วนทำให้เกิดภาวะท้องผูกได้เช่นกัน และบางรายอาจท้องผูกจากการดื่มนม หรือรับประทานแคลเซียมในปริมาณมาก รวมถึงผู้สูงอายุ ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการหย่อนสมรรถภาพของกล้ามเนื้อหูรูดต่าง ๆ ทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะขับถ่ายถดถอย
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงอาการท้องผูก เราควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว รับประทานผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง เช่น คะน้า มะละกอ ส้ม พรุน และผลไม้ที่กินได้ทั้งเปลือก ควรกินผักผลไม้ให้ได้ 4-5 ส่วนต่อวัน ประมาณ 5 ทัพพี หรือดื่มน้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ เช่น น้ำมะขาม หรือน้ำพรุนสกัดเข้มข้น ก็สามารช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้นได้
โดยเฉพาะพรุนนั้นเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์มากเป็นพิเศษและจัดว่าเป็นอาหารฟังก์ชั่นที่ให้วิตามิน เกลือแร่และอุดมด้วยใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำค่อนข้างสูง ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารและมีฤทธิ์ในการระบาย รวมทั้งช่วยบำบัดอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี
"ทั้งนี้ เราควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีใยอาหารน้อย เช่น เนื้อวัว ไอศกรีม ชีส หรือเนยแข็ง และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และฝึกหัดนิสัยการขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน เข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวดถ่าย ไม่ควรรอหรือทนอั้นไว้เพราะยิ่งรอไว้นาน ยิ่งเพิ่มอาการท้องผูก และพยายามทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดอยู่กับปัญหา หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย" คุณหมอให้คำแนะนำปิดท้าย
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต